ความจริงหลายๆ อย่างก็ย ากที่ยอมรับเหมือนกันไม่เว้นแม้แต่เรื่องราวในออฟฟิศ
ที่คนทำงานต้องเจอกันทุกวันนั้นก็ล้วนมีเรื่องราวบางอย่างที่คนทำงานหลายๆ
คนก็อาจจะต้องยอมรับให้ได้แม้ว่าหลายๆ ครั้งอาจจะบั่ น ท อ นกำลังใจไปอยู่มากโขทีเดียว
วันนี้ผมเลยลองลิสต์เหตุการณ์หลายๆอย่างที่คนทำงานออฟฟิศน่าจะเจอกันบ่อยๆ
อย่างน้อยก็ให้ไว้เตือนใจกันหน่อยแล้วกันนะครับ
1. ต่อให้คุณทำดีแทบจะขาดใจ ก็ใช่ว่าคุณจะได้รับการโปรโมท
เรื่องนี้เรามักพูดกันบ่อยๆ ว่าบางคนสร้างผลงานแทบจะขาดใจเป็นคนทำงานที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ
แต่กลับไม่ได้เลื่อนขั้นเพราะเหตุผลต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นทั้งในแง่หัวหน้ามองไม่เห็น
หรือพรีเซนต์ไม่เก่ง ถ้าเอาหนักๆ ไปเลยก็คือโดนคนอื่นตัดหน้า เล่นเส้นเล่นสาย ซึ่งเป็นตัว
บั่ น ท อ นกำลังใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว กรณีนี้ต้องถือว่าวัดใจกับหัวหน้าและองค์กรอยู่พอสมควร
เพราะถ้าหัวหน้าของคุณมองเห็นศักยภาพของคุณและพร้อมจะสนับสนุนแล้ว คุณก็ช่างโชคดี
ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าได้อีกเยอะ แต่ถ้าคุณดันโชคร้ ายไปอยู่กับหัวหน้าที่ไม่ได้คิดเรื่องนี้แล้วล่ะก็
คุณก็อาจจะโดนเก็บเข้าหลังบ้ านเอาได้ง่ายๆ เช่นกัน
2. คุณไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าหรือแบรนด์นั้นจริงๆ หรอก
ต่อให้คุณได้รับตำแหน่งเป็น ผู้จัดการ / หัวหน้าแผนก หรือเป็นผู้บริหารแบรนด์อะไรก็แล้วแต่ที่ได้รับอำนาจ
มากมายในการตัดสินใจสร้างสรรค์ หรือขีดเส้นต่างๆ เพื่อการบริหารจัดการ แต่ในความเป็นจริงแล้ว
คุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าของมันจริงๆ แต่อย่างใด เพราะท้ายที่สุดมันก็คือสินทรัพย์ของบริษัทซึ่งวันหนึ่ง
ผู้บริหารอาจจะสั่งยกเลิก สั่งเปลี่ยน หรือสั่งย้ายคุณได้(เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของบริษัท
และสร้างมันขึ้นมาเองนั่นก็อีกเรื่อง) ฉะนั้นแล้วมันก็ดีถ้าคุณจะทุ่มเทและใส่ใจ งานของคุณอย่างเต็มที่
ประหนึ่งลูกแท้ๆ ของคุณ แต่คุณก็ต้องรู้ตัวว่าวันหนึ่งคุณก็จะต้องลาออกจากบริษัทและคุณก็ไม่สามารถ
เอาแบรนด์หรือสินค้านั้นติดตัวคุณไปได้แต่อย่างใดหรอก
3. คุณจะได้เงินเดือนน้อยกว่าคนอื่นอยู่วันยังค่ำ
ที่ผมขึ้นแบบนี้เพราะอย ากเตือนคนทั้งหลายที่พย าย ามถามว่าเงินเดือนคนอื่นเท่าไร เพราะถ้า
เมื่อไรที่คุณตั้งคำถามว่าคนอื่นได้เงินเดือนเท่าไรแล้ว ยังไงคุณก็จะเจอคนที่มีเงินเดือนมากกว่าคุณอยู่ดี
แม้ว่าในบริษัทจะไม่มีคนเงินเดือนมากกว่าคุณ แต่คุณก็จะไปรู้ว่าบริษัทอื่นให้เงินเดือนมากกว่า
วนไปวนมาแบบนี้ ถ้าคุณไม่ยอมรับความพอดีของเงินเดือนคุณคุณก็จะต้องเจอความจริงข้อนี้วนไปวนมา
ไม่รู้จักจบสิ้นหรอกครับ ผมเขียน 10 ข้อนี้ด้วยการนึกประสบการณ์ส่วนตัวประกอบไปด้วยถ้าคุณมีข้ออื่นๆ
ที่คิดว่าเข้าท่าเหมือนกันก็ลองเมนต์มาแลกเปลี่ยนกันนะครับ
4. ไม่มีใครทำงานได้ทุกอย่าง
แม้ว่าเราจะชอบมีคำพูดประเภทคนเราสามารถเป็นในสิ่งที่เราอย ากเป็นได้ถ้าพย าย ามมันเลย
ทำให้หลายๆ คนมักมีความคิดเรื่องการโยกย้ายตำแหน่ง บ้ างก็อย ากลองไปทำงานในแผนกอื่นๆ
ที่ดูน่าสนใจกว่า ดูน่าทำงานมากกว่างานของตัวเอง แต่เชื่อเถอะครับว่าเอาเข้าจริงแล้วการไปทำงานที่ตัวเอง
ไม่เคยทำนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และมีน้อยคนที่จะสามารถไปทำงานใหม่ได้อย่างประสบความสำเร็จ อาจจะมีบ้าง
ที่พอสามารถทำงานกันไปได้ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นหรือ “ถูกหวย” แบบที่คนเก่งๆ หลายคนเอามาเหล่า
ให้ฟังกันหรอกทั้งนี้เราต้องพูดกันบนความเป็นจริงว่าการทำงานต่างๆ นั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะและความสามารถ
หลายอย่าง บางอย่างฝึกกันได้แต่บางอย่างฝึกกันไม่ได้บางอย่างอาจจะฝึกได้แต่ต้องใช้เวลาซึ่งการทำงาน
มันรอไม่ได้ขนาดนั้น ฉะนั้นถ้าคุณคิดว่าจะลองเปลี่ยนสายงาน อย ากไปทดลองงานใหม่ๆ นั้น ควรคิดกันให้ดีๆ
ว่าคุณเหมาะและพร้อมจะไปลองจริงๆ นะครับ
5. เรื่องที่ถูกต้องอาจจะไม่ใช่เรื่องที่คุณ (หรือคนอื่น) ถูกใจ
สิ่งที่คนทำงานมักจะเจอบ่อยๆ คือคำสั่งจาก “เบื้องบน” ที่หลายๆ ครั้งก็ฟังแล้วตะหงิดๆ ประเภทใช่เหรอ
มันถูกต้องเหรอและพอเรานำเสนอสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องแล้วก็ดันกลายเป็นว่าไม่ถูกใจหัวหน้าหรือคนอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องไป เรื่องนี้มันเลยเข้าวัฏจักรที่ว่าหลายๆ อย่างที่คุณคิดว่ามัน “ถูกต้อง” มันก็อาจจะไม่ได้ “ถูกใจ”
เสมอไป(เช่นเดียวกับเรื่องที่หลายๆ คน “ถูกใจ” มันก็ไม่ได้ “ถูกต้อง” เช่นกัน) ซึ่งเมื่อเราทำงานไปเรื่อยๆ
นั้นก็จะเจอสถานการณ์ของความขัดแย้งนี้อยู่เรื่อยๆ เป็นธรรมดานั่นแหละครับ
6. ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบคุณไปหมด
ต่อให้คุณเป็นคนดีมากมายในออฟฟิศ แต่เชื่อเถอะครับว่ามันก็จะมีคนที่ไม่ชอบคุณ ไม่ถูกกับคุณจนได้
ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องเหนื่อยเปล่าถ้าคุณคิดจะไปเอาใจและหวังให้ทุกคนในบริษัทรักคุณ
(ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว) คุณควรจะเลือกดูว่าคนไหนบ้ างที่คุณควรให้ความสำคัญ
ใครกันที่คุณควรจะแคร์และใส่ใจเป็นพิเศษคุณอาจจะต้องแบ่งระดับความสำคัญของความสัมพันธ์กันให้ดีๆ
แล้วดูว่าแต่ละคนอยู่ในระดับไหน อย่างไรก็ตามแม้ว่าคุณจะไม่สามารถทำให้ทุกคนรักคุณได้ แต่อย่างน้อย
ก็ใช่ว่าคุณจะต้องสร้างศั ต รูให้เยอะเต็มออฟฟิศนะครับ
7. เพื่อนร่วมงานบางคนเหมาะเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน
จริงอยู่ว่าคุณอาจจะสนิทและไว้ใจเพื่อนร่วมงานหลายๆ คน แต่ก็ใช่ว่าทุกคน
เหมาะจะกลายเป็นเพื่อนจริงๆของคุณในชีวิต ทุกวันนี้เรามักเจอสถานการณ์
ประเภทพอเข้าที่ทำงานใหม่แล้วก็ เพิ่มเพื่อน เ ฟ ส กันไปหมดก่อนจะพบว่าภายหลัง
บางคนอย ากจะ ลบเพื่อนไปเสีย บางคนอย ากจะ บล็อคไปเลยด้วยก็มี
ทั้งนี้เพราะความสัมพันธ์ในที่ทำงานนั้นไม่ได้อยู่ในระดับความสัมพันธ์แบบเพื่อนตั้งแต่ต้น
มันก็จริงอยู่ว่า คุณอาจจะเจอคนที่ดี เจอคนที่ได้กลายเป็นเพื่อนสนิท กลายเป็นพี่ชาย
กลายเป็นคนที่เคารพรัก แต่กับบางคนก็อาจจะดีกว่าถ้าคงความสัมพันธ์เป็น “เพื่อนร่วมงาน”
หรือคุยกันด้วยเรื่องงานแทนที่จะคุยด้วยเรื่องส่วนตัว
8. วันนึงเพื่อนร่วมงานหรือไม่ก็คุณเองที่จะลาออก
แม้ว่าหลายๆ ครั้งคุณจะเจอเพื่อนร่วมงานที่คุณรักมาก เชื่อใจมาก หรือได้เจอหัวหน้าที่คุณรู้สึกว่าสุดยอดมากๆ
อย ากฝากชีวิตไว้กับเขา อย ากทำงานร่วมกับเขาไปนานๆ แต่ความเป็นจริงแล้ววันหนึ่งคุณก็จะต้อง
แยกย้ายกันอยู่ดีเพราะแต่ละคนก็ต้องมีทางชีวิตด้านหน้าที่การงานที่แตกต่างกันออกไป ลองคิดเล่นๆ
ว่าถ้าคุณทำงานแผนกเดียวกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ 5 คนไปเรื่อยๆ มันคงไม่สามารถที่ทั้ง
9. หลายๆ อย่างคุณทำเองได้ดีกว่า แต่คุณดันไม่ได้ทำงานนั้น
คนเป็นหัวหน้านั้นมักจะเจอสถานการณ์บ่อยๆ ประเภทเรื่องที่สั่งงานไปนั้นคุณรู้ว่าทำอย่างไรให้ดี ทำอย่างไร
ให้เร็วและมีประสิทธิภาพแต่พอลูกน้องไปทำแล้วดันไม่ได้ดั่งใจ บ้ างก็รู้ว่าสามารถสร้างงานที่ดีกว่านี้
ได้แต่คนอื่นดันทำไม่ได้และหลายๆ ครั้งมันก็สร้างความหงุดหงิดให้กับคุณเพราะมันไม่ได้ดั่งใจที่คุณวางไว้
แต่ก็นั่นแหละครับว่าทั้งบริษัทไม่ได้มีคุณคนเดียวและคุณก็ต้องยอมรับความจริงว่าหลายๆ อย่างนั้นคง
ไม่อาจได้ดั่งใจคุณ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำมันเสียทุกอย่างเช่นกัน
10. ทุกออฟฟิศมี ก า ร เ มื อ ง
“ที่นี่มี ก า ร เ มื อ ง ไหม” เป็นคำถามที่ผมมักจะได้ยินบ่อยๆ เวลาคนเปลี่ยนที่ทำงานซึ่งถ้าคนที่ผ่านงานมากมาย
หลายออฟฟิศก็จะพูดเหมือนกันแหละว่า “ที่ไหนๆ ก็มี ก า ร เ มื อ ง ” ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องธรรมดาว่าในออฟฟิศนั้น
ล้วนมีคนหมู่มากเข้ามาอยู่ด้วยกัน มันก็ย่อมมีคนบางกลุ่มที่มีคาแรคเตอร์ต่างจากอีกกลุ่ม
ไหนจะมีเรื่องการเปลี่ยนถ่ายคนตามกาลเวลา มันเลยไม่แปลกที่จะเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกขึ้น
ซึ่งไอ้พรรคพวกนี้แหละที่มักจะนำไปสู่ความขัดแย้งลึกๆ กันโดยไม่รู้ตัวและกลายเป็นเรื่อง ก า ร เ มื อ ง
ระหว่างขั้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอเป็นเช่นนี้เราถึงพูดกันเสมอว่าคุณคงไม่สามารถเลี่ยง ก า ร เ มื อ ง
ในออฟฟิศได้หากแต่คุณจะเลี่ยงมันได้แค่ไหน หรือในออฟฟิศนั้นจะรั ก ษ าระดับความรุ น แ ร ง
ที่เกิดจาก ก า ร เ มื อ ง ได้อย่างไรต่างหาก