5 ทัศนคติ อย่ ามีในที่ทำงาน..เ พ ร า ะมันทำให้คุณดูแย่ลง
น อ ก จ า ก ทัศนคติจะทำให้เกิดพฤติกรรมของแต่ละคนแล้ว แต่ทัศนคตินี้เองด้วยที่จะนำไปสู่
รูป แบบการทำงานของแต่ละทีมซึ่งถ้าทัศนคติอยู่ในแดนลบก็คงฉุดทีมให้ร่วงลงได้เหมือนกัน
บล็อกวันนี้ผมเลยลองมานั่งลิสต์ดูว่าทัศนคติแบบไหนบ้างที่เรา/ทีมไม่ควรจะมีเ พ ร า ะมันจะ
เป็นตัวขวางให้คุณทำงานไม่ประสบความสำเร็จเอาได้ง่ายๆ
1 : ฉันทำงานให้เสร็จๆ ไป
ถ้าเรามองว่าคนประสบความสำเร็จนั้นจะมี Passion กับการทำงานมากเช่นเดียวกับเป้าหมาย
การทำงานที่ชัดเจน เราก็จะเจอเรื่องตรงกันข้ามกับคนอีกจำนวนหนึ่งประเภทที่มาทำงานให้
ได้เงินเดือนทุกสิ้นเดือนเป็นพอ
ไม่ได้ต้องการท้าทายหรืออย ากทำอะไรให้ดีเป็นพิเศษ มันจึงไม่แปลกที่เราจะเจอหลายๆคน
ทำงานประเภทขอไปที คนทำงานด้านบริการก็ไม่ได้บริการตามชื่อตำแหน่ง บางคนก็คิดงาน
เหมือนกับเป็นหุ่นยนต์บางคนเข้าประชุมเหมือนแค่ได้เผา ชั่ ว โมงทำงานไปวันๆ ซึ่งพอเป็น
แบบนี้แล้วคนทำงานรอบๆข้างก็จะรู้สึกหมดไฟและอาจจะกลายเป็นคนประเภทเดียวกันได้
โดยไม่รู้ตัว
2 : ฉันเก่งกว่าคนอื่นๆ
การที่คุณมีทักษะและมีความสามารถมากนั้นเป็นเรื่องดี แต่การทนงตัวเองว่าเหนือกว่าคนอื่น
นั่ น มันก็อีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างบอกว่า “ฉันเก่ง” กับ “ฉันเก่งที่สุด” หรือ “ฉัน
เก่งกว่าคนอื่น”คือการที่คุณไปตัดสินความสามารถของคนอื่นและมองว่าอะไรๆ ที่ตัวเองทำ
นั้ น ถู กเสมอ เราจึงมักเจอสถานการณ์ประเภทที่ไม่ฟังคนอื่น หรือไม่ก็มองว่าตัวเองถูกอยู่
ค น เ ดี ยวไม่เคยทำอะไรผิดพลาดนั่นแหละ แล้วพอเป็นแบบนี้ มันจึงมักนำไปสู่การโทษ
คนอื่น การไม่เห็นคุณค่างานของคนอื่นและทำให้สูญเสียความเชื่อใจระหว่างคนทำงาน
ด้วยกันนั่นแหละ
3 : ฉันแพ้ไม่ได้
เคยเจอไหมครับคนประเภทเถียงแบบไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะมีหลักฐานต่างๆนานา หรือมีข้อมูล
มากมายมายืนยันก็ตาม ขณะเดียวกันพอมีการโต้เถียงนั้น คนเหล่านี้ก็จะพย าย ามทุกวิถี
ทางที่จะเป็น “ผู้ชนะ”
การโต้เถียงจนหลายๆ ครั้งไม่ใช่เรื่องของการทำงานหรือการได้วิธีที่มีประสิทธิภาพหากแต่
เป็นแค่ต้องการเป็นผู้ชนะเท่านั้น ทัศนคติของการแพ้ไม่ได้หรือประเภทที่ต้องชนะเสมอนี่
เองที่ทำให้หลายๆคนถูกระอาจากเพื่อนร่วมงานเ พ ร า ะมันกลายเป็นว่าพวกเขาไม่ได้
ทำงานเพื่อคนอื่น แต่กลายเป็นทำงานเพื่อตัวเองอยู่ตลอดเวลา (แล้วอย่ างนี้ใครจะ
อย ากทำงานด้วยล่ะ?)
4 : ฉันกลัวคนอื่นจะเด่นกว่าฉัน
พ อ ค น ก ลัวว่าตัวเองจะถูก แ ย่ ง บทบาทจากคนอื่น กลัวว่าคนอื่นจะได้ผลงานมากกว่า
สิ่งที่ตามมาคือการพย าย ามเบียดอีกฝ่ายบ้างก็พย าย ามหาทางให้อีกฝ่ายไม่ได้ผลงาน
สิ่ง ที่ตามมาจึงเกิดสถานการณ์ประเภทเก็บความลับไว้ ไม่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันเ พ ร า ะ
กลัวอีกฝ่ายจะเอาใช้ประโยชน์ได้ พอเป็นแบบนี้แล้วการทำงานร่วมกันก็คงจะไม่เกิดขึ้น
แทนที่จะช่วยกันทำให้เกิดงานที่ดีกลับกลายเป็นการขัดแข้งขัดขากันเองซะอย่ างนั้น
5 : ฉันอย ากมี(และใช้)อำนาจ
การทำงานออฟฟิศนั้นสิ่งที่ตามมาคือลำดับขั้นของการบริหารและไม่แปลกที่หลายๆ คน
จะ อ ย า ก ขึ้ น เ ป็นผู้จัดการหรือหัวหน้างาน เ พ ร า ะการเป็นหัวหน้าย่อมตามมาด้วย
“อำนาจ” ที่สามารถใช้สั่งการคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ทีนี้ปัญหามันคือหลายๆ คนไป
ตั้งทัศนคติประเภทว่าเป็นหัวหน้าแล้วสามารถใช้อำนาจในการสั่งคนอื่น บีบเค้นคนอื่น
ให้เป็นตามที่ตัวเองต้องการได้ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย
ลูกน้องที่อยู่ใต้ห้วหน้างานประเภทบ้าอำนาจล้วนพูดไปทางเดียวกันว่าทุกข์ ท ร ม า น
อยู่พอสมควร อันที่จริงแล้วการมีอำนาจตามบทบาทหน้าที่นั้นก็เป็นเรื่องจริงแต่การใช้
อำนาจให้คนอื่นยอมรับนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าหัวหน้างานใช้ไม่เป็นแล้วก็จะมีแต่
ทำให้ทีมงานรู้สึกเอือมระอาเอาได้นั่นแหละ